- อาการปวดหน่วงๆ บริเวณศีรษะ หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม รอบดวงตา หรือมีน้ำมูกเป็นหนองข้น อาจสันนิษฐานได้ว่า ไซนัสอักเสบ หากปล่อยไว้จนอาการลามไปถึงกระดูก อาจทำให้การอักเสบกระจายไปสู่สมอง ส่งผลให้การรักษายากขึ้น และเสียชีวิตได้ในที่สุด
- การว่ายน้ำในสระที่ใส่คลอรีน หรือสารเคมีเพื่อฆ่าเชื้อโรค หากสำลักน้ำอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุภายในไซนัส ทำให้ไซนัสอักเสบได้
- หากพบว่ามีอาการไซนัสอักเสบติดต่อกันนานเกิน 10 วัน ควรรีบพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี โดยแพทย์จะซักประวัติการเจ็บป่วย ตรวจร่างกาย หรือตรวจเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้อง การทำ MRI หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
ไซนัส (Sinus) คือ โพรงอากาศที่อยู่ในกะโหลกศีรษะบนใบหน้ารอบๆ จมูก มีรูเปิดติดต่อกับช่องจมูก ภายในไซนัสมีเยื่อบุ ต่อเป็นผืนเดียวกันกับเยื่อบุภายในช่องจมูก ทำหน้าที่ปรับอากาศที่เราหายใจเข้าไป โดยผ่านบริเวณจมูก ช่วยถ่ายเทความร้อนและความชื้นจากหลอดเลือดบนผิวเยื่อบุให้เหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งไซนัสมี 4 คู่ ได้แก่
- บริเวณโหนกแก้ม 2 ข้าง (maxillary sinus)
- ระหว่างลูกตา บริเวณหัวตา 2 ข้าง (ethmoid sinus)
- บริเวณหน้าผากใกล้กับหัวคิ้ว 2 ข้าง (frontal sinus)
- อยู่ในกะโหลกศีรษะ ใกล้ฐานสมอง (sphenoid sinus)
ไซนัสอักเสบ
เมื่อเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือภูมิแพ้ จะทำให้เยื่อบุภายในช่องจมูกเกิดการบวม ส่งผลให้โพรงไซนัสที่ติดต่อกับจมูกตีบตัน เกิดน้ำมูกคั่งภายในโพรงจมูก เป็นสภาวะเหมาะแก่การเติบโตของเชื้อโรค จนเยื่อบุอักเสบและเป็นหนอง เกิดภาวะไซนัสอักเสบขึ้นได้
นอกจากนี้ภาวะติดเชื้อที่รากฟัน สามารถทำให้ไซนัสอักเสบได้เช่นกัน เนื่องจากกระดูกที่คั่นระหว่างรากฟันกับไซนัสบางมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งกระดูกจะบางลงตามอายุ
ไซนัสอักเสบ แบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้
- ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (acute sinusitis) เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบ มีเสมหะมากขึ้น คัดจมูก รู้สึกไม่สบายที่แก้ม หน้าผาก หรือรอบดวงตา และปวดศีรษะ ส่วนใหญ่สามารถรักษาหายภายใน 3 สัปดาห์ และเป็นน้อยกว่าปีละ 4 ครั้ง
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (chronic sinusitis) เป็นภาวะเรื้อรังนานกว่า 12 สัปดาห์ และเป็นมากกว่าปีละ 4 ครั้ง
อาการไซนัสอักเสบ
- ปวดหน่วงๆ ตามบริเวณไซนัสอักเสบ เช่น หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ ดวงตา
- ปวดศีรษะ มักเป็นมากช่วงเช้าหรือบ่าย โดยเฉพาะเมื่อก้มศีรษะ หรือเปลี่ยนท่า
- น้ำมูกเป็นหนองข้นสีเขียวหรือเหลือง เวลาสูดจมูกแรงๆ รู้สึกน้ำมูกไหลลงคอ
- คัดแน่นจมูก หายใจมีกลิ่นเหม็นคาว
- ปวดหู หูอื้อ
- เจ็บคอ
- มีไข้
- อ่อนเพลีย
ปัจจัยเสี่ยงไซนัสอักเสบ
- ผู้ป่วยไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และภูมิแพ้ ทำให้เยื่อเมือกบวม ซึ่งอาจอุดตันโพรงไซนัส
- ผู้มีความผิดปกติของช่องจมูก เช่น ผนังกั้นระหว่างช่องจมูกคด ช่องจมูกแคบกว่าปกติ ทำให้เกิดการอักเสบจากการติดเชื้อง่ายขึ้น
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำหรืออยู่ในเขตมลภาวะเป็นพิษ ส่งผลให้ภูมิต้านทานลดลง
- การว่ายน้ำในสระที่ใส่คลอรีน หรือสารเคมีเพื่อฆ่าเชื้อโรค หากสำลักน้ำอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุภายในไซนัส
- ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อากาศ
การวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบ
แพทย์จะซักประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกาย โดยการส่องดูหนองหรือมูกที่ด้านหลังของคอ ร่วมกับการกดบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หัวตา รวมถึงการตรวจพิเศษ ดังนี้
- การตรวจด้วยการส่องกล้อง (nasal endoscopy)
- การตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI)
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) กรณีที่ต้องการรายละเอียด เพื่อทำการผ่าตัด หรือในผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน
การรักษาโรคไซนัสอักเสบ
- ยาปฏิชีวนะ
- การใช้ยารักษาไซนัส จะใช้ต่อเมื่อเกิดกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย
- ส่วนกรณีที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องใช้ยา
- แต่หากไซนัสอักเสบเกิดจากเชื้อราซึ่งพบน้อยมาก กรณีนี้ต้องใช้กระบวนการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเชื้อราออก
- ยาแก้แพ้ เพื่อลดภาวะภูมิแพ้ที่ส่งผลให้เกิดไซนัสอักเสบได้
- ยาพ่นจมูก (Nasal steroid spray) ยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ช่วยลดอาการบวมของเนื้อเยื่อและการแพ้อากาศ และยังช่วยป้องกันการงอกของริดสีดวงจมูกหลังการผ่าตัดไซนัส
- ยาลดน้ำมูก (Decongestant) ช่วยให้หลอดเลือดในเนื้อเยื่อจมูกชั้นในหดตัว ส่งผลให้อาหารคัดจมูกและน้ำมูกไหลน้อยลง
- ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อล้างเมือกจากโพรงจมูกและไซนัส
- การรักษาโดยการผ่าตัด
ก่อนทำผ่าตัดจำเป็นต้องทำการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการผ่าตัดและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เหมาะกับการรักษาไซนัสที่เกิดจากความผิดปกติของโพรงจมูก หรือเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตไปปิดกั้นโพรงไซนัส
การป้องกันการเกิดไซนัสอักเสบ
- หลีกเลี่ยงโรคไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ โดยการฉีดวัคซีน
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วยไข้หวัด หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ
- งดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีมลพิษ
- อยู่ในสถานที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
- ใช้เครื่องกรองอากาศ หากนอกบริเวณบ้านมีมลพิษ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- พักผ่อนให้พอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าให้จมูกแห้ง
ภาวะเเทรกซ้อนจากไซนัสอักเสบ
- ผลกระทบต่อเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง ทำให้เกิดการอักเสบต่อเยื่อบุลำคอ กล่องเสียง และหลอดลม ส่งผลให้เสี่ยงภาวะหอบหืด
- ภาวะไซนัสอักเสบลุกลามไปตา ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ ดวงตาอักเสบ เกิดอาการปวดตา ตาบวม ตาเเดง ลูกตาโปน การมองเห็นลดลง อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น
- ภาวะไซนัสอักเสบลามไปสมอง ส่งผลต่อการมองเห็น ปวดศีรษะ มีไข้ หากการอักเสบมากขึ้น อาจมีไข้สูง เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือลุกลามไปยังเนื้อสมอง จนรุนแรงถึงชีวิตได้
- ภาวะไซนัสอักเสบลามไปกระดูก อาจส่งผลให้การอักเสบกระจายไปสู่สมอง ส่งผลให้การรักษายากขึ้น และเสียชีวิตในที่สุด
แม้ไซนัสอักเสบจะมีอาการไม่รุนแรงในเบื้องต้น สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่หากปล่อยให้การอักเสบต่อเนื่องจนเรื้อรังอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ใกล้เคียง สร้างความซับซ้อนและความยุ่งยากในการรักษา และอาจส่งผลถึงชีวิตได้ในที่สุด
ดังนั้น หากพบว่ามีอาการต่างๆ ของภาวะไซนัสอักเสบติดต่อกันนานเกิน 10 วัน สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน จึงควรรีบพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี
ปรึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
Facebook : https://www.facebook.com/
Line : https://lin.ee/h3jcNOO
อ่านบทความที่น่าสนใจ