โรคเนื้อเน่า (Necrotizing Fasciitis) อาจฟังดูเป็นชื่อที่น่ากลัว และจริงๆ แล้วก็เป็นโรคที่ต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะสามารถลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่วัน
โรคเนื้อเน่าคืออะไร
โรคเนื้อเน่า คือภาวะติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง ที่ทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และพังผืดหุ้มกล้ามเนื้อ เชื้อโรคที่พบบ่อย ได้แก่:
-
Streptococcus pyogenes (เชื้อกลุ่ม A)
-
Clostridium perfringens
-
Staphylococcus aureus (รวมถึง MRSA)
-
หรือการติดเชื้อร่วมกันหลายชนิด
เชื้อเหล่านี้จะสร้างสารพิษที่ทำลายเนื้อเยื่ออย่างรวดเร็ว พร้อมกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองอย่างรุนแรง จนทำให้เกิด “เนื้อเน่า” อย่างแท้จริง
อาการที่ควรระวัง
-
เริ่มจากแผลเล็ก ๆ รู้สึกปวดมากผิดปกติเมื่อเทียบกับขนาดของแผล
-
ผิวหนังบวม แดง อุ่น และอาจเปลี่ยนสีเป็นม่วงคล้ำ
-
มีตุ่มน้ำพองหรือมีของเหลวออกจากแผล
-
ไข้สูง หนาวสั่น ความดันโลหิตต่ำ
-
หากลุกลาม: มีอาการช็อก อวัยวะล้มเหลว หรือหมดสติ
โรคนี้สามารถลุกลามอย่างรวดเร็วภายใน 12-24 ชั่วโมง จึงต้องวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด
ใครบ้างที่เสี่ยง?
-
ผู้เป็นเบาหวาน
-
ผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น มะเร็ง โรคไตเรื้อรัง
-
ผู้ที่มีบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย เช่น โดนแมวข่วน โดนน้ำสกปรก
-
ผู้ที่ผ่านการผ่าตัด หรือมีบาดแผลหลังการรักษาทางการแพทย์
-
ผู้ใช้ยากดภูมิหรือยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง
การป้องกันโรคเนื้อเน่า
-
รักษาความสะอาดแผลทุกครั้ง
ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและยาฆ่าเชื้อทุกครั้งที่มีรอยขีดข่วน แผลถลอก หรือแผลเปิด -
อย่าละเลยแม้แผลเล็กน้อย
หากบวมแดงรุนแรง มีอาการปวดผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที -
หลีกเลี่ยงการแช่น้ำสกปรกหรือบ่อน้ำธรรมชาติ
โดยเฉพาะในคนที่มีบาดแผล -
ดูแลสุขภาพพื้นฐาน
ควบคุมเบาหวาน และโรคประจำตัวอย่างสม่ำเสมอ
แนวทางการรักษา
-
ให้ยาปฏิชีวนะชนิดแรงทางหลอดเลือดดำ ทันทีหลังวินิจฉัย
-
ผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่เน่าออก เป็นวิธีสำคัญเพื่อหยุดการลุกลาม
-
อาจต้องตัดอวัยวะบางส่วน หากเชื้อลุกลามอย่างรวดเร็ว
-
การรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) จำเป็นสำหรับผู้ที่เข้าสู่ภาวะช็อก